We Love Thailand!!! - บล็อคนี้เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับอาหารไทย และสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองไทย
Feb 9, 2011
เมี่ยงปลาทู (Meiy Pha Tu)
การเตรียมก่อนการปรุง
1.ปลาทูขนาดพอเหมาะ 4~5 ตัว
2.ผักกาดหอม 1/2 กิโลกรัม
3.น้ำมันพืช 1 ขวดกลาง
4.เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยว 1/2 กิโลกรัม
5.ถั่วลิสงคั่วแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 3~4 ช้อนโต๊ะ
8.ผงชูรส 1ช้อนชา
9.พริกขี้หนูสด 5~6 เม็ดพร้อมกระเทียม 4~5 กลีบ
10.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1.เทน้ำมันพืชใส่กระทะนำปลาทูมาทอดให้กรอบและแกะเอาก้างออกให้เหลือแต่เนื้อปลาทูแล้วพักไว้
การทำน้ำจิ้มรสเด็ด
1.นำถั่วลิสงมาตำให้ละเอียด
2.ใสน้ำตาลปี๊บแล้วตำเข้าด้วยกัน
3.ใสพริกขี้หนูและกระเทียมตำเข้าด้วยกัน
4.ตักขึ้นจากครกและนำมาใส่ถ้วย
5.ใสน้ำปลาและปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ผงชูรส แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว ถ้าต้องการรสไหนเพิ่มก็เพิ่มได้เลยตามใจชอบ
วิธีการรับประทาน
1.นำผักกาดหอมฉีกใบพอเหมาะมือ
2.นำก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เด็ดพอเหมาะมาใสในใบผักกาดหอม
3.ใส่เนื้อปลาทูขนาดพอคำ
4.ใสน้ำจิ้มรสเด็ดลงไปแล้วห่อใส่ปากได้เลยจะได้รสชาดความอร่อยของเมี่ยงปลาทูแล้วต้องรับประทาน 4~5 ท่าน
จะอร่อยมาก สนนราคาอยู่ที่ 40~50 บาท
แล้วพบกันใหม่จากนายอร่อย ขอบคุณมากครับ
มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ
มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ เป็นกับข้าวจานหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก เนื่องจากวัตถุดิบหาได้ง่าย วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก และยังมีรสชาติที่อร่อย มะเขือยาวมีชื่อพื้นบ้านว่า มะเขือขาว ปัจจุบันมะเขือยาวมีหลายหลากสี ได้แก่ สีเขียวอ่อน สีม่วงคล้ำ สีขาว หรือสีม่วงปนขาว เป็นต้น มะเขือยาวมีคุณค่าทางโภชนาการหลายอย่าง คนไทยนิยมนำมาทำเป็นอาหารหลายชนิด เช่น ยำมะเขืออยาว , ตำมะเขือ เป็นต้น
ส่วนผสม
วิธีทำ
1. นำโหระพาและนำมะเขือยาวไปล้างน้ำให้สะอาด นำโหระพามาสะเด็ดน้ำแล้วเด็ดเป็นใบๆ พักไว้ ส่วนมะเขือยาวนำมาตัดขั้วทิ้ง แล้วนำไปหั่นแฉลบหนาประมาณ 1.5-2 นิ้ว (หรือจะผ่าตามยาวตลอด แล้วหั่นเป็นชิ้นตามขวางขนาดชิ้นละ 1 นิ้วเศษก็ได้) นำมะเขือที่หั่นแล้วไปแช่น้ำให้ท่วม ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย จะทำให้มะเขือยาวไม่คล้ำ2. นำพริกขี้หนูกับกระเทียมมาตำรวมกันพอหยาบ พักไว้
3. นำกระทะไปตั้งบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ พอกระทะเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมและพริกที่ตำไว้ลงไปผัด ผัดพอหอม จากนั้นใส่หมูสับลงไปผัดพอสุก จึงใส่มะเขือยาวที่แช่ในน้ำเกลือลงไป (สะเด็ดน้ำก่อนใส่)
4. ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว, ซีอิ้วขาว, น้ำปลา และน้ำตาล เติมน้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวงลงไป ผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นเอาฝาหม้อหรืออะไรก็ได้ปิดกระทะไว้ รอให้มะเขือสุกประมาณ 4-5 นาที จากนั้นจึงเปิดฝาหม้อออก ผัดต่อให้เข้ากัน สุดท้ายจึงใส่ใบโหระพาที่เด็ดไว้ลงไป ผัดให้ใบโหระพาอ่อนตัว จึงปิดไฟ ยกลงและตักใส่จานเสริ์ฟ (การผัดมะเขือยาวนี้ บางที่ก็นิยมนำเอามะเขือยาวที่หั่นไว้แล้วไปต้มในน้ำร้อนประมาณ 2-3นาทีก่อน เมื่อถึงเวลานำมาผัด จะทำให้มะเขือยาวนิ่มและสุกเร็วขึ้น)
ส่วนผสม
- มะเขือยาว 2 ลูก, จะใช้แบบสีเขียวหรือสีม่วงก็ได้
- หมูสับ หรือไก่สับ 150 กรัม
- โหระพา 2-3 ช่อ
- พริกขี้หนู 3-5 เม็ด, เด็ดขั้ว (แล้วแต่ชอบเผ็ดมากน้อย)
- กระเทียม 2 กลีบ, ปอกเปลือก
- เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นนิดหน่อย
- น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำโหระพาและนำมะเขือยาวไปล้างน้ำให้สะอาด นำโหระพามาสะเด็ดน้ำแล้วเด็ดเป็นใบๆ พักไว้ ส่วนมะเขือยาวนำมาตัดขั้วทิ้ง แล้วนำไปหั่นแฉลบหนาประมาณ 1.5-2 นิ้ว (หรือจะผ่าตามยาวตลอด แล้วหั่นเป็นชิ้นตามขวางขนาดชิ้นละ 1 นิ้วเศษก็ได้) นำมะเขือที่หั่นแล้วไปแช่น้ำให้ท่วม ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย จะทำให้มะเขือยาวไม่คล้ำ2. นำพริกขี้หนูกับกระเทียมมาตำรวมกันพอหยาบ พักไว้
3. นำกระทะไปตั้งบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ พอกระทะเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมและพริกที่ตำไว้ลงไปผัด ผัดพอหอม จากนั้นใส่หมูสับลงไปผัดพอสุก จึงใส่มะเขือยาวที่แช่ในน้ำเกลือลงไป (สะเด็ดน้ำก่อนใส่)
4. ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว, ซีอิ้วขาว, น้ำปลา และน้ำตาล เติมน้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวงลงไป ผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นเอาฝาหม้อหรืออะไรก็ได้ปิดกระทะไว้ รอให้มะเขือสุกประมาณ 4-5 นาที จากนั้นจึงเปิดฝาหม้อออก ผัดต่อให้เข้ากัน สุดท้ายจึงใส่ใบโหระพาที่เด็ดไว้ลงไป ผัดให้ใบโหระพาอ่อนตัว จึงปิดไฟ ยกลงและตักใส่จานเสริ์ฟ (การผัดมะเขือยาวนี้ บางที่ก็นิยมนำเอามะเขือยาวที่หั่นไว้แล้วไปต้มในน้ำร้อนประมาณ 2-3นาทีก่อน เมื่อถึงเวลานำมาผัด จะทำให้มะเขือยาวนิ่มและสุกเร็วขึ้น)
ขนมเต้าส่วน
เต้าส่วน เป็นชื่อของหวานชนิดหนึ่งของไทยชนิดหนึ่งที่ได้รับเอาวัฒนธรรมมาจากชนชาติจีน ทำด้วยแป้งเปียกกวนกับถั่วเขียวที่เอาเปลือกออก, ต้มกับน้ำตาล แล้วราดน้ำกะทิ จะมีรสชาติที่ออกหวาน เค็มและมันปนกัน
ส่วนผสม
วิธีทำ
1. นำถั่วเขียวซีกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เวลาผ่านไปจะได้ถั่วที่บานเต็มชาม จากนั้นจึงนำถั่วไปใส่ในตะแกรงและสะเด็ดน้ำไว้
2. นำถั่วเขียวซีกที่สะเด็ดน้ำแล้วไปห่อด้วยผ้าขาวบางและนำไปนึ่งในหม้อนึ่งจนสุก (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
3. ระหว่างที่รอให้ถั่วที่นึ่งสุกอยู่นั้น ก็มาทำน้ำกะทิสำหรับราดหน้า โดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือป่นและแป้งข้าวเจ้าในหม้อ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ หมั่นคนไปมาซักพักประมาณ 1-2นาทีจนแป้งสุก (ระวังอย่าให้เดือด) จึงปิดไฟ และพักไว้
4. เมื่อถั่วนึ่งสุกแล้วจึงยกลงเทใส่ชาม จับชามเขย่าไปมาเบาๆ ให้ถั่วไม่จับเป็นก้อน พักไว้
5. นำน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงใส่หม้อและยกขึ้นตั้งไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดี (ถ้าใครชอบหวานมากก็เพิ่มน้ำตาลเองตามใจชอบ)
6. นำแป้งมันไปผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนแป้งละลายและไม่จับตัวกันเป็นก้อน (ห้ามใส่แป้งมันในน้ำร้อนโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อนๆ) พอหม้อน้ำตาลเริ่มเดือดจึงค่อยๆ เทแป้งมันที่ผสมน้ำไว้ลงไปทีละน้อย ในขณะเดียวกันก็คนเร็วๆให้เข้ากัน จนแป้งสุกใสและข้นเหนียว จึงใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ลงไป คนให้ถั่วกระจายทั่ว จึงปิดไฟ
7. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิเล็กน้อย พร้อมเสริ์ฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น
เคล็ดลับ : อย่าข้ามขั้นตอนโดยใส่ถั่วก่อนแป้งมัน เพราะจะทำให้น้ำขุ่น และถั่วจะดูดน้ำทำให้บานเพิ่มขึ้นอีกไปอีก และเมื่อเต้าส่วนเย็นตัวลงอาจทำให้แป้งมันคืนตัวได้
ส่วนผสม
- ถั่วเขียวซีก หรือถั่วเขียวกระเทาะเปลือก (บางคนก็เรียกว่าถั่วเหลือง) ½ ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 6-7 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำถั่วเขียวซีกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เวลาผ่านไปจะได้ถั่วที่บานเต็มชาม จากนั้นจึงนำถั่วไปใส่ในตะแกรงและสะเด็ดน้ำไว้
2. นำถั่วเขียวซีกที่สะเด็ดน้ำแล้วไปห่อด้วยผ้าขาวบางและนำไปนึ่งในหม้อนึ่งจนสุก (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
3. ระหว่างที่รอให้ถั่วที่นึ่งสุกอยู่นั้น ก็มาทำน้ำกะทิสำหรับราดหน้า โดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือป่นและแป้งข้าวเจ้าในหม้อ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ หมั่นคนไปมาซักพักประมาณ 1-2นาทีจนแป้งสุก (ระวังอย่าให้เดือด) จึงปิดไฟ และพักไว้
4. เมื่อถั่วนึ่งสุกแล้วจึงยกลงเทใส่ชาม จับชามเขย่าไปมาเบาๆ ให้ถั่วไม่จับเป็นก้อน พักไว้
5. นำน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงใส่หม้อและยกขึ้นตั้งไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดี (ถ้าใครชอบหวานมากก็เพิ่มน้ำตาลเองตามใจชอบ)
6. นำแป้งมันไปผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนแป้งละลายและไม่จับตัวกันเป็นก้อน (ห้ามใส่แป้งมันในน้ำร้อนโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อนๆ) พอหม้อน้ำตาลเริ่มเดือดจึงค่อยๆ เทแป้งมันที่ผสมน้ำไว้ลงไปทีละน้อย ในขณะเดียวกันก็คนเร็วๆให้เข้ากัน จนแป้งสุกใสและข้นเหนียว จึงใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ลงไป คนให้ถั่วกระจายทั่ว จึงปิดไฟ
7. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิเล็กน้อย พร้อมเสริ์ฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น
เคล็ดลับ : อย่าข้ามขั้นตอนโดยใส่ถั่วก่อนแป้งมัน เพราะจะทำให้น้ำขุ่น และถั่วจะดูดน้ำทำให้บานเพิ่มขึ้นอีกไปอีก และเมื่อเต้าส่วนเย็นตัวลงอาจทำให้แป้งมันคืนตัวได้
Ka-nom Tao Suan
Tao Suan is the name of a Thai dessert that originally came from China. It is made of boiled soybeans that have the shell removed and are then stirred together with flour paste and sugar. Then you pour the coconut milk on top. It has sweet, salty and nutty taste mixed together.
Ingredients
1. Wash the split mung beans with water thoroughly. And leave them to soak in the water for about 2-3 hours. When the time is over the beans will bloom all over the bowl. Then put the beans in a sieve and let the water drain.
2. Wrap the drained and split mung beans with a thin white cloth (cheesecloth is good) and put it in the steamer. Steam until the beans are done (it usually takes about 20 minutes).
3. While waiting for the beans to be cooked, it’s time to make the coconut milk for topping. Start by mixing the concentrated coconut cream with salt and rice flour in a pot first. Then put the pot over the low heat. Stir back and forth for about 1-2 minutes until the flour is cooked (careful not to boil). Turn off the heat and set it aside.
4. When the beans are cooked then pour them into a bowl. Shake the bowl lightly to make sure the beans won’t stay in a lump. Set aside.
5. Add 2 cups of water into a pot and put the pot over medium heat. Then add sugar, stir until all the sugar is melted (if anyone likes it sweet, add more sugar as you like).
6. Mix the tapioca flour with a little bit of water. Stir until the flour dissolves and does not stick together (putting tapioca flour into hot water directly is strictly prohibited, it will make the flour stick and clump together). When the pot starts to boil, then pour the flour mixture into the pot gradually while quickly stirring at the same time. Stir until it gets shiny and thick and then add the steamed mung beans. Stir until the beans are spread evenly in the pot then turn off the heat.
7. Scoop Tao Suan into a bowl. Put a little bit of coconut milk on top. Serve immediately, either hot or cold.
Tip: Do not skip the steps by adding the steamed mung beans into the pot before adding the tapioca flour. Because it will make the water get cloudy. The beans also will absorb all the water and make the beans bloom more. And when Tao Suan cools down could make the tapioca flour revert to the original form.
Ingredients
- ½ cup split mung beans, or peeled mung beans (some people call soybean)
- ½ cup concentrated coconut cream (this is the thick cream on the top of canned coconut milk)
- 6-7 Tbsp sugar
- 1 Tbsp tapioca flour or corn starch
- ¼ tsp salt
- ½ tsp rice flour
- 2 cups water
1. Wash the split mung beans with water thoroughly. And leave them to soak in the water for about 2-3 hours. When the time is over the beans will bloom all over the bowl. Then put the beans in a sieve and let the water drain.
2. Wrap the drained and split mung beans with a thin white cloth (cheesecloth is good) and put it in the steamer. Steam until the beans are done (it usually takes about 20 minutes).
3. While waiting for the beans to be cooked, it’s time to make the coconut milk for topping. Start by mixing the concentrated coconut cream with salt and rice flour in a pot first. Then put the pot over the low heat. Stir back and forth for about 1-2 minutes until the flour is cooked (careful not to boil). Turn off the heat and set it aside.
4. When the beans are cooked then pour them into a bowl. Shake the bowl lightly to make sure the beans won’t stay in a lump. Set aside.
5. Add 2 cups of water into a pot and put the pot over medium heat. Then add sugar, stir until all the sugar is melted (if anyone likes it sweet, add more sugar as you like).
6. Mix the tapioca flour with a little bit of water. Stir until the flour dissolves and does not stick together (putting tapioca flour into hot water directly is strictly prohibited, it will make the flour stick and clump together). When the pot starts to boil, then pour the flour mixture into the pot gradually while quickly stirring at the same time. Stir until it gets shiny and thick and then add the steamed mung beans. Stir until the beans are spread evenly in the pot then turn off the heat.
7. Scoop Tao Suan into a bowl. Put a little bit of coconut milk on top. Serve immediately, either hot or cold.
Tip: Do not skip the steps by adding the steamed mung beans into the pot before adding the tapioca flour. Because it will make the water get cloudy. The beans also will absorb all the water and make the beans bloom more. And when Tao Suan cools down could make the tapioca flour revert to the original form.
Stir fried eggplant with fermented soybean and minced pork (Ma-keua Yaao Pad Tao Jieow Moo Sap)
Stir fried eggplant with fermented soybean and minced pork (Ma-keua Yaao Pad Tao Jieow Moo Sap) is one of the rice side dishes that is popular for many Thai people to eat. Because the ingredients are easy to find, it is simple to make and it still tastes delicious. Thai Eggplant is commonly known as white eggplant. Even so, you will find that there are so many colors of eggplant including light green, dark purple, white, or dark purple mixed with white, etc. Eggplant has a lot of nutrition. Thai people often use it to make many dishes such as eggplant salad (Yum Ma-keua Yaao), pound eggplant (Tum Ma-keua), etc.
Ingredients
How to do…
1. Rinse the basil and the eggplants with water thoroughly. Drain the basil and pluck the leaves to set aside. Cut off the eggplants ends. Then chop the eggplants into an oblique shape about 1.5-2 inches thick (or cut in half lengthwise first and then slice crosswise into about 1 inch sized pieces each). Soak the sliced eggplant in water. Add a slight pinch of salt into it, this will help the eggplants from turning dark.
2. Pound Thai fresh chili and garlic together just enough to be coarse, set aside.
3. Set the pan on medium heat. Add vegetable oil into the pan. When the pan is hot, put the pounded garlic and chili to fry until fragrant and then add the minced pork to fry until it is done. Then add the soaked eggplants into it (drain before putting it in).
4. Season with fermented soybean, soy sauce, fish sauce and sugar. Add ¼ cup water, stir the ingredients well together. Then put the lid on to cover the pan. Wait for the eggplants to cook for about 4-5 minutes and then open the lid. Stir again. Last, add the basil leaves. Fry until the basil leaves get soft. Turn off the heat, lift the pan off the heat and put the stir fry on the plate. (To stir fried the eggplant like this some places like to cook the sliced eggplants in hot water about 2-3 minutes prior to frying. When it is time to fry this will make the eggplants soft and cook quickly).
Ingredients
- 2 eggplants, can use either green or purple eggplant
- 150 grams (5 ounces) minced pork or minced chicken
- 2-3 bunches of Thai sweet basil
- 3-5 Thai fresh chili (Phrik Khee Nuu), take the stems off (depends on how spicy you like)
- 2 cloves garlic, peeled
- 1 Tbsp fermented soybean
- 1 Tbsp soy sauce
- ½ Tbsp fish sauce
- 2 tsp sugar
- 2 Tbsp vegetable oil
- A little bit of salt
- ¼ cup water
How to do…
1. Rinse the basil and the eggplants with water thoroughly. Drain the basil and pluck the leaves to set aside. Cut off the eggplants ends. Then chop the eggplants into an oblique shape about 1.5-2 inches thick (or cut in half lengthwise first and then slice crosswise into about 1 inch sized pieces each). Soak the sliced eggplant in water. Add a slight pinch of salt into it, this will help the eggplants from turning dark.
2. Pound Thai fresh chili and garlic together just enough to be coarse, set aside.
3. Set the pan on medium heat. Add vegetable oil into the pan. When the pan is hot, put the pounded garlic and chili to fry until fragrant and then add the minced pork to fry until it is done. Then add the soaked eggplants into it (drain before putting it in).
4. Season with fermented soybean, soy sauce, fish sauce and sugar. Add ¼ cup water, stir the ingredients well together. Then put the lid on to cover the pan. Wait for the eggplants to cook for about 4-5 minutes and then open the lid. Stir again. Last, add the basil leaves. Fry until the basil leaves get soft. Turn off the heat, lift the pan off the heat and put the stir fry on the plate. (To stir fried the eggplant like this some places like to cook the sliced eggplants in hot water about 2-3 minutes prior to frying. When it is time to fry this will make the eggplants soft and cook quickly).
Subscribe to:
Posts (Atom)